Monday, September 25, 2006

deja vu : ทักษิณ V นายกฯพระราชทาน, พิบล-เผ่า V สฤษดิ์

(เผยแพร่ครั้งแรก 10 มีนาคม 2549, เผยแพร่ซ้ำ 19 กันยายน 2549)



ในปี 2528 ผมได้สัมภาษณ์ ผิน บัวอ่อน อดีตกรมการเมืองของ พคท. (mentor ของคำนูญ หนึ่งใน "มือ" หลังเวที-ขบวนต่อต้านขณะนี้ คำขวัญ "เอาประเทศไทยของเราคืนมา" มี "ลายมือ" คำนูญอย่างชัดเจน) สมัยนั้นเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะได้สัมภาษณ์ (จนถึงเขาเสียชีวิต ผินเคยให้สัมภาษณ์ไม่กี่ครั้ง)ประเด็นสำคัญมากประเด็นหนึ่งที่ผินเสนอ คือ พคท.ได้ทำผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ 2 ครั้ง ครั้งแรก คือ ในช่วง "กึ่งพุทธกาล" แทนที่จะสนับสนุน กลุ่มพิบูล-เผ่า เพื่อสะกัดกั้น สฤษดิ์ กลับร่วมมือกับสฤษดิ์ โจมตีเผ่า จนมีส่วนทำให้เผ่าล้มไป สฤษดิ์ขึ้นมาได้ ครั้งที่สอง คือ หลัง 14 ตุลา แทนที่จะพยายามยับยั้งกระแส (คำของผิน) "ซ้ายจัด" ของขบวนนักศึกษา กลับช่วยหนุนเสริม

จนถึงทุกวันนี้ ผมยังไม่ยอมรับการวิเคราะห์ประเด็นที่สองของผิน (ผมมีคำอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ พคท.-ขบวนการนักศึกษาคนละอย่าง) แต่สำหรับประเด็นแรก ผมมีความคล้อยตามไม่น้อย (นอกประเด็นเล็กน้อย ใครที่เคยฟังผม lecture ประวัติศาสตร์การเมือง อาจจะจำได้ว่า ผมเคยพูดว่า ปรีดีทำความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ใหญ่ 2 ครั้ง ผมเอารูปแบบการเสนอมาจากการวิจารณ์พคท.ของผินนี่เอง)

เมื่อผินเสนอว่า ฝ่ายซ้ายสมัย 2500 ควรจะสนับสนุนเผ่า (กลุ่มพิบูล-เผ่า ที่สำคัญกว่าคือ เผ่า ไม่ใช่พิบูล เพราะพิบูลแทบไม่มีกำลังแท้จริงแล้ว) แล้วตีสฤษดิ์ แทนที่จะเอาแต่ตีเผ่า อย่างที่ทำ ผินรู้ดีว่ากำลังพูดถึงอะไร เพราะเขามีชีวิตอยุ่ในช่วงนั้น

ที่สำคัญเขารู้ดีว่าเผ่ามีความเลวร้ายยังไง "มือเปื้อนเลือด" (almost literally เกือบจะจริงๆ ไม่ใช่เชิงโวหาร) เพียงใด : ฆ่า 4 รมต. ฆ่าเตียง ศิริขันธ์ ค้าฝิ่น "อัศวินแหวนเพ็ชร" ฯลฯ ฯลฯ

แต่ปัญญาชนฝ่ายซ้าย (และปัญญาชนวงกว้างออกไป) ในขณะนั้น เกลียดเผ่า เกลียดมาก (ทั้งเกลียดทั้งกลัว ถ้าจะว่าไป)

จึงรวมศูนย์กันโจมตีเผ่า ชนิด "รายวัน" ขุดคุ้ยเรื่องของเผ่ามาเปิดโปง โจมตีทั้งเผ่า และรัฐบาลขณะนั้นของพิบูลที่เผ่าเป็นแกน

ในความรู้สึกของปัญญาชนตอนนั้น เผ่าเป็นเหมือน Evil Number One

(นอกประเด็นเล็กน้อย คนจะเข้าใจเหตุผลที่ป๋วยสนับสนุนสฤษดิ์ได้ ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ในความเห็น/สมมุติฐานของผม ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือการเกลียดเผ่าของป๋วยนี่เอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ป๋วยแชร์ร่วมกับปัญญาชนสมัยนั้น)

การโจมตีเผ่าของปัญญาชนขณะนั้น บางคนทำไปพร้อมๆกับเชียร์สฤษดิ์ หรืออย่างน้อยมีความรู้สึก "ดี" ต่อสฤษดิ์ (ตามทฤษฎีของผม จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นหนึ่งในกรณีเช่นนี้ ผมจะอธิบายไว้ในบทความต่างหาก)

สภาพการโจมตีเผ่าของปัญญาชนขณะนั้น แทบจะเรียกได้ว่า "เลือดเข้าตา" คือรู้สึก "มันส์" มาก เผ่า ซึ่งเคยเป็นที่เกลียดกลัวอย่างหนัก แค่กะพริบตาก็ส่งคนเข้าโลง กลายเป็น "sitting duck" (ตุ๊กตาเป็ดที่ใช้เป็นเป้ายิงปืนลม) ให้ตีอย่างสบายๆ

ระดับการตีเผ่าในขณะนั้น เกือบจะเป็นเหมือน "สงครามครูเสด" เลย คือ เหมือนกับกำลังทำในสิ่งที่ "ถูกจริยธรรม" (ล้างแค้นให้เหยื่อที่ถูกเผ่าฆ่า)

ปัญญาชนขณะนั้น เหมือนกับกำลังเป็น "นักรบจริยธรรม" ที่กำลัง "ปราบมาร"

ในระหว่างนั้น สฤษดิ์ ก็ไม่ต้องทำอะไร คอยปรากฏตัวออกมาในลักษณะ "ขวัญใจประชาชน" "ทำตามคำเรียกร้องของประชาชน" ในที่สุดก็เข้ายึดอำนาจปัจจัยสำคัญไม่น้อยของการขึ้นสู่อำนาจของสฤษดิ์ ก็คือ การรณรงค์ของสื่อมวลชน ปัญญาชน สมัยนั้น ในการ discredit เผ่านี่แหละ

(ถ้าไม่เชื่อผม ลองอ่านหนังสือทักษ์ ช่วงนี้ ทักษ์เองไม่รู้ข้อมูล เบื้องหลัง เรื่องปัญญาชนฝ่ายซ้ายตีเผ่า ซึ่งยิ่งทำให้สนับสนุนที่ผมกำลังพูดนี้ หรือ อ่านสัมภาษณ์ คุณประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา หรือ "อุชเชนี - นิด นรารักษ์" ที่ผมอ้างใน ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง หน้า 40 คุณประคิณ ไม่ใช่ซ้าย แต่เป็นคาทอลิค ... คล้ายๆกับที่ คุณรสนา เป็นพุทธ ตอนนี้นั่นแหละ)

ในแง่วิธีการทางประวัติศาสตร์ (historical methodology) การเปรียบเทียบทางประวัติศาสตร์ (historical anology) คือการดูความเหมือนกันของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 2 ช่วง มีข้อจำกัดอย่างมาก ในแง่การเข้าใจแต่ละช่วงของประวัติศาสตร์จริงๆ เพราะไม่มีช่วงไหนที่ "เหมือน" กับช่วงไหนทั้งหมด (แต่ไหนแต่ไร ผมไม่เห็นด้วยกับที่เกษียรเปรียบเทียบทักษิณกับสฤษดิ์ เป็นต้น)

แต่วิธีการนี้ มีประโยชน์ไม่น้อยในการ "ให้ภาพ" ลักษณะสำคัญบางอย่างของช่วงประวัติศาสตร์หนึ่งๆ

ถ้าคุณตั้งโจทก์ว่า ทักษิณเป็น Evil Number One ต้องเอาออกให้ได้
คุณก็เกือบจะหลีกเลี่ยงผลลัพท์ "นายกฯพระราชทาน" ไม่ได้

เพราะพวกคุณเอง (ที่เรียกกันว่า "ประชาชน" "ภาคประชาชน") ไม่มีกำลังพอของตัวเอง (ที่ผมเขียนว่า "ไม่มี candidate ของตัวเอง")

ความจริงแล้ว "คณิตศาสตร์" นี้ "ง่าย" มาก ถ้าคุณจะหยุดคิด

แต่ตอนนี้ทุกคนเหมือนกำลัง "เลือดเข้าตา" "มันส์" "สะใจ" ได้ตีทักษิณ ได้ตี "รัฐ" อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ผมถามอีกครั้ง

ระหว่างให้ทักษิณอยู่ (ไม่ได้ห้ามการวิจาณ์ รณรงค์ในอนาคต) กับ ให้มี นายกฯพระราชทาน จะเอาอะไร?

เฮเกล สุดยอดนักปรัชญาประวัติศาสตร์เคยกล่าวว่า

บทเรียนประการเดียวที่เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์คือ ไม่มีใครเรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์
(The only lesson we learn from history is that nobody learns lessons from history)